วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

'FABBIZ' งานแฮนด์เมดผ้าญี่ปุ่น...เห็นแล้วยากจะห้ามใจ

Pic_263708
มีคนเคยบอกว่า เดี๋ยวนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป...คนเราต้องการบริโภคสินค้าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่ออารมณ์ และสไตล์ของตนเองมากกว่าสนองความจำเป็นพื้นฐานอย่างปัจจัยสี่ จึงเป็นที่มาของงานที่ต้องอาศัยความสร้างสรรค์ด้านดีไซน์เข้ามาตอบโจทย์ 'FABBIZ' งานกิ๊บเก๋ จากผ้าญี่ปุ่น คือแบรนด์หนึ่งซึ่งเข้าใจความต้องการข้อนี้ดี จึงอาศัยช่องว่างดังกล่าวจับตลาดคนคอเดียวกันแบบอยู่หมัด
ต่อยอดจากงาน วอล อาร์ต

คุณปิยะนาถ อาภรณ์ (บิ๋ม) หนึ่งในหุ้นส่วน แบรนด์  'FABBIZ'  เล่าว่า เรื่องของเรื่องเกิดจากวันหนึ่งมีคนมาชักชวนเธอให้ไปทำเวิร์กช้อปในงานโปรโมตหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นทำไปทำมา คุณบิ๋ม ก็รู้สึกว่าเจ้าตุ๊กตาที่ออกแบบมาเพื่อทำเวิร์กช้อปสำหรับใช้แต่งบ้าน ตอนนั้นหน้าตาประมาณว่าเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ อยู่ในกระถางต้นไม้  ซึ่งพอทำออกมาแล้ว เธอรู้สึกว่า "เฮ้ย! มันน่ารักนะ" หลังจากนั้นเธอจึงเกิดแนวคิดอยากทำขาย โดยหุ้นกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง (คุณหทัยรัตน์ เพ่งพิศ (ฟู่)) เสร็จแล้วเอาไปเทสต์ตลาดตามงานอาร์เต้ ที่ซอยทองหล่อ 10 ขณะเดียวกันผลลัพธ์ก็เป็นดั่งที่คาด คืองานดังกล่าวนี้สามารถขายได้จริง!
2 คนไม่รุ่งเท่า 3 คน

"ตอนแรกทำ 2 คนกับเพื่อน  คือ ตัวเราเองกับ คุณหทัยรัตน์ พอทำไปได้ระยะหนึ่งเริ่มรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ เลยตัดสินใจชวนเพื่อนอีกคนหนึ่ง คือคุณสมจินตนา นิ่มสุวรรณ (เอก) เข้ามาร่วมด้วย เพราะเพื่อนคนนี้เก่งมาก ทั้งการออกแบบหน้าตาสินค้า รวมทั้งมุมมองในการเลือกลายผ้าแต่ละแบบมาผสมผสานกัน สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า เรา 3 คน คือหุ้นส่วนของ FABBIZ ค่ะ "
หลังจาก FABBIZ เปิดตัวขึ้นที่ ซอยทองหล่อ 10 ได้ไม่นานก็ปรากฏว่ามีคนมาชวนให้  FABBIZ ลองไปขายที่ตลาดซิคาด้า (ตลาดจักจั่น หัวหิน) FABBIZ  ได้ไปเปิดหน้าร้านขายที่นั่นตามคำชวนอยู่ได้ระยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ได้ขายแล้ว แต่เน้นที่จะออกงานอีเวนต์ และขายความน่ารักผ่านทางหน้าร้านออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊กมากกว่า
เทคนิคดีไซน์แค่ มองให้สวยก็....จบ

ตุ๊กตา/พวงกุญแจ ของ FABBIZ ทุกชิ้นจะเป็นงานแฮนด์เมด โดยที่บริเวณลำตัวของตุ๊กตาจะใช้จักเย็บ แต่พวกแอคเซสซอรี่ตกแต่งอะไรต่างๆ เหล่านี้จะเย็บด้วยมือทั้งหมด ส่วนวิธีเลือกสี/เลือกลายผ้าว่าลำตัวสีนี้ ควรใช้ปีกสีอะไรนั้น ไม่มีหลักการ ทฤษฎีสีอะไรให้ยุ่งยาก คุณบิ๋ม บอกสั้นๆ ว่า เพียงแค่นำสองส่วนมาเทียบกันหากมองว่าสวย ทุกอย่างก็จบ
เหตุผลที่ นก/ไก่ เยอะ

ทำไมนก/ไก่มีเยอะจัง? คำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจหลายๆ คน เมื่อได้มาเยือนแผงหน้าร้านของ FABBIZ คำตอบคุณบิ๋ม เธอบอกว่า

"ตอนแรกที่เราทำงานออกแบบวอลอาร์ต ปรากฏว่าในภาพ ก็มักจะมีนกบินอะไรเหล่านี้ประกอบอยู่ในภาพด้วยเสมอ จนเราเกิดไอเดียว่า เออ! ลองเอานกในภาพมาทำเป็นนกตุ๊กตาดีไหม แล้วก็ผันจากงานวอลอาร์ตมาเป็นตุ๊กตานก ในลำดับต่อมา และตอนแรกหน้าตาของนกที่ทำก็ยังเป็นนกเกลี้ยงๆ ไร้แอคเซสซอรี่ใดๆ ทว่าพอทำแพตเทิร์นไป ลองใส่มงกุฎดู ...มันก็เฮ้ย! น่ารักดี สวยดี ต่อมาก็เริ่มมีเจ้าไก่เพิ่มเข้ามา เพราะว่า นกกับไก่มีคาแรกเตอร์คล้ายๆ กัน จากนั้นรูปแบบของสินค้าภายในร้าน  FABBIZ มันก็เริ่มบิดมาเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ และความสนใจของพวกเราเอง"
น่ารัก แล้วยังมีความหมาย

"จริงๆ ตุ๊กตาสัตว์เหล่านี้ เช่น นกฮูก ไก่ กระต่าย ล้วนมีความหมาย  เพราะ ไม่ว่าจะเป็น นก ไก่ หรือกระต่าย มันสามารถตีความได้ เช่น เป็นชื่อคน ชื่อปีเกิดอย่าง ระกา (ไก่) เถาะ (กระต่าย) ส่งผลให้สิ่งเหล่านี้นอกจากจะนิยมนำมาแต่งบ้าน/เป็นของสะสมส่วนตัวแล้ว หลายคนยังนิยมนำไปเป็นของขวัญ/ของที่ระลึกสุดประทับใจได้อีกด้วย"
เป้าหมายขายคนชอบแต่งบ้าน

"กลุ่มเป้าหมายของ  FABBIZ ช่วงแรกจะเป็นกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก แต่พอเรามีนกฮูกเข้ามา ทำให้เราเริ่มขยายกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มผู้ชายได้อีก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในภาพรวมกลุ่มเป้าหมายเราจะเป็นกลุ่มคนอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไปจนถึง 45 ปี เป็นกลุ่มที่มีรสนิยมชื่นชอบงานสไตล์นี้ ชอบแต่งบ้าน นอกจากนี้ลูกค้าของ FABBIZ มักจะเป็นกลุ่มที่มาแล้วมาอีก ดังนั้น พฤติกรรมการซื้อจึงจะเป็นการซื้อแบบสะสมมากกว่า เช่น ถ้าเขามีไก่แล้ว เขาก็จะมาซื้อนกฮูก อะไรประมาณนี้ พวกนี้มันยังเป็นอะไรที่ขายได้ตลอด"

สำหรับวิธีตั้งราคาขาย จะเริ่มต้นตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป อย่างเช่น กิ๊บแทค (5 ชิ้น) ราคา 60 บาท, ที่คั่นหนังสือ 45 บาท, ดินสอ (3 แท่ง) 100 บาท, ตุ๊กตาพวงกุญแจนก 245 บาท, นกฮูก-กระต่าย-ไก่ (แบบตั้งโชว์) 290 /320 /370 บาท ขึ้นอยู่กับความยาก และรายละเอียดของงานเป็นหลัก
คุณภาพห้ามต่ำกว่า เกรดเอ

FABBIZ กล้าพูดได้เลยว่างานเราต้องเป็นงานเกรด เอ เท่านั้น การเย็บต้องเรียบร้อย สังเกตได้เลยว่างานทุกชิ้นจะไม่มีรอยด้ายเดินเส้นให้เห็นแม้นิดเดียว กระทั่งการตกแต่งอย่างการติดกระดุมต้องตรงเป๊ะ
“เราจะไม่มีการเอางานมีตำหนิมาขายลดราคา แต่ถ้าพบว่าสินค้ามีตำหนิเราจะโละใส่ถุงเก็บไว้ในโกดัง หรือแก้ไขให้มันเป็นเกรดเอแล้วนั่นแหละ เราจึงนำมาขาย ที่สำคัญในขั้นตอนกระบวนการผลิต เราจะดูความเรียบร้อยเองทุกชิ้น พร้อมกันนี้ความพิถีพิถันในการคัดสรรผ้าต้องเป็นคอตตอนญี่ปุ่น เพราะข้อดีของผ้าชนิดนี้คือ คุณภาพ เนื่องจากไส้ในเราจะยัดด้วยใยสังเคราะห์ไว้แบบแน่นมากๆ  แล้วการยัดแน่นขนาดนี้ถ้าคุณภาพผ้าไม่แข็งแรงพอจะเย็บไม่อยู่ หนำซ้ำบริเวณที่เย็บก็จะเป็นรอยเย็บเห็นรอยแยกชัดเจนดูไม่สวย"
หลากหลายไม่ซ้ำแบบ!

"จุดเด่นของ FABBIZ คือความประณีต และความแตกต่างของงานแต่ละชิ้น ซึ่งหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตุ๊กตา/สินค้าในร้านเราจะไม่มีซ้ำกันเลยสักแบบเดียว ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้อาจจะเสียเวลาในการทำบ้าง แต่สิ่งที่ได้คือความหลากหลายของลูกค้า เมื่อเขาซื้อไปแล้วเขามีความสุข การที่เราได้ถืออะไรแล้วแบบ เฮ้ย น่ารักอ่ะ มันมีความเป็นเอกลักษณ์ แล้วรู้สึกว่าตัวนี้มันเป็นของเราคนเดียว ไม่มีใครเหมือนเรา แล้วทุกคนพอได้ไปแล้วมักหลงรัก เหมือนอย่างลูกค้าที่ร้าน เคยมีโปรโมชั่นว่าลูกค้าคนไหนเคยซื้อไปแล้ว หากว่าตุ๊กตาเก่ามากๆ เราจะให้เขาเอาตัวเก่ามาแลก พร้อมกับเลือกหยิบตัวใหม่ไปได้เลย ปรากฏว่า ลูกค้าไม่มีใครยอมแลก เขาบอก "รักแล้วอ่ะ และตัวนี้คือของฉันอ่ะ" หลายคนเป็นแบบนี้นะ ใช้แล้วรัก ให้เขาซื้อตัวใหม่ดีกว่า แต่ยังไงก็ไม่แลก”
อยากลองต้องมนต์เสน่ห์งานแฮนเมดสไตล์ FABBIZ  ลองคลิกเข้าไปดูกันก่อนที่ www.fab-biz.com โทร. 02-5894719.

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

งานแฮนด์เมด ทำไมขายยากจัง

เพื่อน ๆ เคยเป็นไหมคะ ทำงานฝีมือขาย ทุกคนที่เห็นชมว่าสวย น่ารัก น่าจะขายได้ พอเราทำขายจริง ๆ คนส่วนใหญ่เขาก็มาจับ ๆ ดู แล้วก็ผ่านไป เราจะทำยังไงดี เรียกลูกค้ายังไง ทำยังไงให้งานอดิเรกที่เราชอบทำเงินขึ้นมาได้ ขอความเห็นหน่อยคะ


เคยค่ะ เห็นเราเย็บอยู่ก็บอกว่าสวย ทำขายไหม เราบอกขาย บอกราคาไป เค้าเงียบ แล้วก็จับๆดูอีก แล้วก็เดินไปเลย สงสัยคิดว่ามันแพงแน่ๆเลยอ่ะ เราก็คิดราคาแบบว่าค่าแรงแทบไม่ได้เลยนะ แต่ก้มีบางคนที่ให้ความสำคัญกับงานฝีมือ เค้าบอกว่าเราขายถูกจัง คุ้มเหรอ ก็เลยได้แต่ภาวนาให้มีคนเห็นคุณค่างานฝีมือเยอะๆ อะ


เราเห็นเพื่อนที่ทำงานนี่แหละ รับกระเป๋าก็อป kate kidson เอามาขายใบนึงหลายร้อย กำไรใบนึงก็เยอะ บางใบเราว่าเขากำไรเป็น 100 เลยไม่ต้องทำให้เหนื่อย เห็นที่ทำงานซื้อกันจัง แต่พอเวลาเราของอะไรมา เข้ามาชมว่าเก่ง ทำให้มั่งสิ ไม่เคยถามเราว่าทำขายไหมเลยสักคำ พอเราลองใจ แกล้งบอกว่าทำขาย เงียบเลย เรารึนั่งเย็บจนมือพรุนแทบตาย เค้าคงคิดว่าแค่ผ้าชิ้นเล็ก ๆ แพงไปมั๊ง เราก็ไม่สนใจเลยค่ะคนแบบนี้ สู้ทำแจกให้คนที่จริงใจ และมีน้ำใจกับเรายังจะสบายใจกว่า


คือจริงๆ แล้ว ..​คนไทยหลายๆ คน ไม่เห็นค่าของ "เวลา + แรงกาย + แรงใจ" ของคนที่ทำ และงาน Handmde เพียงแค่เห็นว่า มันเป็นตุ๊กตา ก็ตีราคาในใจแบบต่ำ ๆ ไปก่อน ทำให้ คนทำก็เสียกำลังใจ ราคาตลาดที่ควรจะเป็นก็ต้องต่ำลงไปด้วย อย่างเราเอง .. เราก็คิดราคาแบบที่เราคิดว่าฝีมือเรามีค่าเท่านี้ สมองที่เราคิดให้ออกมาเป็นชิ้นงาน เราก็ตีค่าเป็นราคา บวกกับจำนวนชัวโมงทีใช้ในการทำงาน handmade ราคารวมออกมาแล้ว อาจจะดูเหมือนว่าแพงไปสำหรับของ handmade แบบนี้ (หมายถึงพวก กระเป๋า / ตุ๊กตาถัก) แต่เราก็ยอมกัดฟันว่า ขายไม่ออกไม่เป็นไร ดีกว่าไปตั้งราคาต่ำเท่ากับตลาดนัดที่มาขาย เพราะในอนาคต ถ้าคนเริ่มติดกับงานเราขึ้นมา เราจะไม่สามารถขึ้นราคาได้อีกเลย เราเป็นคนเห็นค่าของงาน Handmade อะค่ะ เลยพูดแบบนี้ แต่ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่ากัน :D


เหมือนเข้ามาบ่นในกระทู้เลยนะเนี่ย อิอิ ดีแล้วค่ะอย่าไปตั้งราคาเท่าตลาดนัดเลย บางครั้งเราไปเดินสำเพ็ง เห็นของที่เขาขายราคาไม่แพง มีให้เลือกเยอะแยะ ก็เข้าใจในระดับนึงว่า คนที่ไม่เห็นค่าของงาน handmade ก็คิดว่าหาซื้อเอาตามตลาดดีกว่า มีขายเยอะแยะ หลากหลายแบบน่ารัก ๆ มีให้เลือกเยอะ แถมราคาก็ไม่แพง เขาเลยไม่สนใจของ hand made แต่ถ้าได้ฟรีละก้อ รับหมด 555 เพื่อนคนนึงมาบ่นกับเราว่าจะซื้อซองใส่มือถือเป็นกระเป๋าผ้าใบเล็ก ๆ เอาเศษผ้ามาเย็บทำขายตั้ง 100 กว่าบาท แพงเสียดายเงิน แล้วพูดกับเราว่า ถ้าเราเย็บของเรา ทำเผื่อมันด้วยอันนึงนะ เราก็เออออไปตามเรื่อง แต่จนป่านนี้ก็ไม่เคยทำให้มันเลย ฝันไปเหอะ หลายครั้งที่เราพบว่า มิตรภาพบนโลกไซเบอร์สวยงามกว่ามิตรภาพที่อยู่ในที่ทำงานเดียวกันซะอีก


ติดต่อทีมงาน ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับคุณ hoothoot นะคะ เราเองก็อยากทำขาย แต่ก็เข้าใจว่าหาตลาดยาก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นค่างานฝีมือสักเท่าไหร่ คนที่เห็นค่างานฝีมือส่วนใหญ่ก็คือกลุ่มคนที่ชอบทำงานฝีมือเช่นกัน ส่วนตัวเราก็มองว่ามันงานศิลปะ มีชิ้นเดียวในโลกเหมือนกัน ต่อให้ทำใหม่ ยังไงก็ไม่เหมือนเดิม เคยมีอยู่ครั้งนึงเราทำผ้าพันคอ fingerknit ด้วยไหมปอมๆ พี่คนนึงเค้าชอบเลยบอกว่าทำให้เค้ามั่งสิ เค้าจ้างทำเลย แต่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดจะทำขายหรอก อารมณ์ชอบทำแจก(คนที่อยากแจก)มากกว่า เราก็บอกว่าเอาไหมมาเดี๋ยวทำให้ พี่เค้าควักตังค์ให้พันนึงเลย บอกว่าไปซื้อไหมมาให้ด้วย ไม่พอก็มาบอก โห.. เรางี้ซึ้งมากๆ นานๆจะเจอคนแบบนี้สักที สุดท้ายก็คิดแค่ค่าไหม ไม่ได้คิดค่าแรงเลย


งานฝีมือกับคนไทยส่วนใหญ่กลายเป็นของไกลตัวกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ค่ะ อาจจะด้วยสภาวะเศรษฐกิจ การเงินไม่คล่องพอ สมัยก่อนใครทำอะไรฝีมือดีๆเนี๊ยบๆ แพงเท่าไหร่คนก็ซื้อค่ะ สมัยรี้มันเป็นไปได้ค่อนข้างยาก จะบอกว่ารสนิยมคนตกต่ำลงมาเพราะสภาวะเศรษฐกิจก็มีส่วนเยอะนะคะ ถ้าตั้งใจทำขายจริงๆจังๆ มันอยู่ที่ความตั้งใจ+ทุน(หมุนเวียนที่ค่อนข้างยาวมากๆ) การทำประชาสัมพันธ์ก็มีส่วน งานฝีมือขายได้เฉพาะกลุ่มนี่เรื่องจริงค่ะ คนที่มาดูของส่วนใหญ่จะมองว่า สวย แต่ไม่มีประโยชน์ ถ้าเราตีแตกโจทย์นี้ได้ งานฝีมือที่ทั้งสวยและมีประโยชน์ใช้งานสูง ก็จะไม่ถูกตีค่าด้วยราคาเพราะคนซื้อมีความพึงพอใจในการใช้งานเป็นสำคัญอยู่ การออกแบบสินค้างานฝีมือ หรือ handmade นั้นต้องอาศัย design+function ถึงจะอยู่ได้ค่ะ ที่สำคัญถ้าตอบโจทย์ถูกตลาด ถูกกลุ่มเป้าหมาย ก็นับว่าเป็นงานที่ไปได้ไกลทีเดียวค่ะ สู้ๆนะคะ

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

แฮนด์เมดเพิ่มค้า ใบตองตึง

ผลิตภัณฑ์สินค้าแฮนด์เมด "ใบตองตึง" เพิ่มค่า กับผลงานสร้างสรรค์ของ นายปรเมศร์ สายอุปราช ที่นำใบตองตึงมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ ในชิ้นงานที่จำหน่ายถือเป็นงานแฮนด์เมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งเจ้าตัวยังยืนยันในเมืองไทยของเขาเป็น “Only One Product” โดยใช้บ้านใน จ.ลำปางเป็นแหล่งผลิตสินค้าแฮนด์เมดนี้ นายปรเมศร์เล่าว่า ก่อนจะมาทำงานนี้ เคยลองนำสินค้าของชาวบ้านมาขายในเว็บไซต์เพื่อดูว่าสินค้าตัวไหนที่ได้รับความสนใจ ปรากฎว่าลูกค้าคนไทยที่เข้ามาดูส่วนใหญ่สนใจงานฝีมือ เลยต้องหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งใช้วิธีดูวัตถุดิบที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดคือใบไม้ ประกอบกับ“ใบตองตึง” เป็นใบไม้ที่คนทางเหนือใช้ห่อข้าวเหนียว ใช้มุงหลังคา จึงนำมาทำเป็นงานใบไม้ใช้ชื่อยี่ห้อว่า “มิสเตอร์ลีฟ”

เจ้าของชิ้นงานได้เล่าที่มาให้ฟังว่า เริ่มทำมาตั้งปี 2547 ตอนแรกเรียนจากอาจารย์ญี่ปุ่นเป็นงานเกี่ยวกับเส้นใยพืชธรรมชาติ จากนั้นนำมาต่อยอดเอง โดยใช้ใบไม้ล้วน ๆ พร้อมกับปรับใช้กับเซรามิค พลาสติก กระดาษหรือไม้ก็ได้ตัวอย่าง(ที่เห็นภาพ)กล่องไม้นี้เป็นไม้ที่ทำจาก MDF หลังจากนั้นเราก็นำใบไม้มาอัดลงบนฝากล่องอีกครั้งหนึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าจะต้องการกล่องสีอะไร ต้องการใบไม้ที่อยู่บนฝากล่องสีอะไร บางครั้งต้องสกรีนเป็นกิ่งไม้ ซึ่งลูกค้าต่างประเทศสั่งมา เพราะลูกค้าที่ทำสปาต้องการสินค้าที่ดูเป็นธรรมชาติ” การนำใบตองตึงมาใช้ประโยชน์แบบนี้ได้ ต้องผ่านกรรมวิธีหลายอย่าง ในช่วงแรกที่ทำก็เจอปัญหาต่างๆ อาทิ ใบไม้กรอบไปบ้างแห้งไปบ้าง ใช้ไม่ได้ สำหรับการเก็บใบตองตึงจะใช้วิธีสต๊อกเก็บไว้เพราะใบตองตึงเป็นไม้ผลัดใบ จะออกช่วงเดือนห้าถึงเดือนแปด ฟอร์มใบจะแข็งแรงและสมบูรณ์มาก โดยจะซื้อใบสีเขียวแล้นำมาตากแห้ง ก่อนผ่านกระบวนการต่างๆ ที่สำคัญใบไม้เหล่านั้นต้องอบน้ำยากันแมลงด้วยทำไมต้องใช้ใบตองตึง …


 “ความจริงจะใช้ใบไม้อย่างอื่นก็ได้แต่ที่ใช้ใบตองตึงเพราะมีเรื่องของวัฒนธรรม เรื่องของวิถีชีวิตของคนทางเหนือที่มีความผูกพันกับใบไม้ชนิดนี้ โดยเอามาห่อข้าวเหนียว หรือที่เรียกว่าเห็นเรื่องราวของใบไม้ หรืออย่างเราไปเมืองนอกเห็นใบเมเปิลเราก็อยากเอามาฝากเพื่อนฝูงทางเมืองไทย”สำหรับสินค้าแฮนด์เมด ใช้วัสดุธรรมชาติและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ“มิสเตอร์ลีฟ” มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ สินค้ามีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นโคมไฟใบไม้ เป็นนาฬิกาใบไม้ หรือwall leaf สำหรับตกแต่งผนังบ้าน ราคาสูงสุดอยู่ที่ 4,500 บาท ต่ำสุด 650 บาท พวกสารพัดกล่องก็ขายดีเช่นกันเพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยราคากล่องต่ำสุดอยู่ที่ 120 บาท สูงสุด 350 บาท โดยปรเมศร์จะมีคนเขียนรูปให้ตามออเดอร์สนใจผลงานใบตองตึงยี่ห้อ“มิสเตอร์ลีฟ” ติดต่อคุณปรเมศร์ได้ที่ 086-1823589, 086-6704349 หรือดูที่ www.leavespaper.com ต้นตองตึง เป็นไม้ป่ายืนต้นใบลักษณะคล้ายต้นสักหรือต้นชาดในภาคอีสาน แต่ใบตองตึงไม่มีขน ใบที่ยังไม่แก่ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน นิยมเก็บมาห่อของเช่น ห่อข้าวห่อ ห่อของจิปาถะคล้าย ๆ ใบตอง หรือใบบัวในภาคกลาง ใบตองตึงเมื่อแก่และหล่นจากต้นนำมาทำเป็นตับมุงหลังคากระท่อมคล้ายจากหรือแฝก มีความทนทานได้ 4-5 ปี คุณสมบัติกระท่อมที่มุงด้วยใบตองตึง อยู่สบายไม่ร้อน ที่บ้านรักไทยชาวไทยเชื้อสายจีนยูนาน ทำบ้านด้วยดินเหนียวมุงหลังคาด้วยใบตองตึงอยู่สบายกลมกลืนกับธรรมชาติเมื่อผุพังก็ย่อยสลายไม่มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ใบตองตึงที่ร่วงหล่นตามธรรมชาติ จะเก็บกันในช่วงหน้าหนาวตอนเช้า ๆ เพราะยังไม่กรอบ จากนั้นนำมาตัดก้านใบแช่น้ำแล้วเรียงทับเก็บไว้ นำไม้ไผ่จักเป็นตอกหนาประมาณ 3-4 มม. ยาวประมาณ 2-3 ม. ใช้เป็นก้าน จัดตอกเป็นแผ่น หนาประมาณ 1.5-2 มม. ยาว 35 ซม. เพื่อใช้ในการเย็บเข้ากับก้านที่เตรียมไว้เรียกว่า “ตับพลวง” จากนั้นนำมามุงหลังคาและกั้นเป็นฝาบ้านเพื่ออยู่อาศัย.

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ก่อนมาขาย สินค้าแฮนเมด


Handmade

กว่าจะตัดสินใจ ขายของแฮนเมด ได้ เราลองเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า แบบไม่สต็อกสินค้าดูแล้ว หลักๆ ก็คือหาออเดอร์ให้ร้าน และเมื่อมีออเดอร์เข้ามา เราก็แจ้งร้าน ให้ร้านเขาส่งสินค้าให้ในนามร้านของเรา เราเคยอ่านกระทู้หลายคนที่ แชร์ประสบการณ์ตัวแทนแบบนี้ บางคนขายได้ดีนะคะ แต่เราขายแล้ว ไม่เห็นจะขายดีเหมือนคนอื่นเลย ยิ่งสินค้าพวกนี้ ไม่ได้อยู่กับเรา จะหยิบจับอะไรก็ไม่ได้เอง ไม่ค่อยสะดวก ก็เลยไม่มั่นใจ พอมีออเดอร์มาบ้าง แต่พอแจ้งร้ายไป ไหนจะรอว่าร้านนั้น กว่าจะรอให้ร้านที่เราสั่ง ตอบกลับว่ามีของในสต๊อกแถมส่งอีก  ลูกค้าของเราหนีไปซื้อร้านอื่นแล้วหละค่ะ หนีไปเลยจริงๆ นะ อันนี้คอนเฟิร์มได้เลย เพราะนี่คือธุรกิจ เสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนอีกอันนึงที่เราได้ทดลองขายก่อนจะทำสินค้าแฮนเมด งานฝีมือ เย็บปักถักร้อยขาย เราก็ลองขาย อาหารเสริม ลองแบบไม่สต็อกสินค้าเหมือนกัน แต่ต้องเสียเงิน ค่าสมัคร คำนวนดู เหมือนจะคุ้มมากนะคะ กำไรงามมาก (ถ้ามันขายได้นะ) สรุปแล้วก็ลองโฆษณาในเพจดู ไม่มีออเดอร์เลย แถมคนไลค์น้อยด้วย เสียเงินไปพอสมควรเลยค่ะ เสียค่าสมัครฟรีอีก เพราะต้องรักษายอดให้ได้ เดือนละ 5,000 บาท มันอาจจะเป็นการโปรโมทของเราที่ไม่ดีด้วยมั๊ง อันนี้เราก็พอเข้าใจจุดอ่อนตัวเอง เพราะว่าเราลองผิดลองถูก มาได้ซักระยะแล้ว


ตอนนี้เราพยายาม เปลี่ยนความคิดใหม่ ว่าขายของที่เอากำไรน้อยๆ แต่ขอให้มีคนมาซื้อของเราเรื่อยๆ ก็พอ แล้วเราก็ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราชอบ เรามีความรู้ อยู่กับมันได้นานๆ อย่าง งานฝีมือ งานแฮนเมด งานเย็บผ้า แบบนี้  เราก็เลยว่าจะทำตุ๊กตาผ้า และของทำมือ ทำเองเป็นงานแฮนเมดอ่ะ เราก็รู้ว่าคนขายเยอะนะ ตลาดถือว่าใหญ่ และ คู่แข่งเยอะมาก แต่ก็อยากลองทำดู เพราะเราเคยไปอ่านหนังสือ เขาบอกว่าถ้าเราทำธุรกิจ ในสิ่งที่เราชอบ มีความรู้ จะสามารถทำได้ดี กว่าขายอะไรที่เราไม่รู้จัก ดังนั้น งานฝีมือ งานเย็บตุ๊กตาผ้า พวกนี้ เราว่าเราถนัดมาก จึงคิดว่าจะมาลองทำ เป็นอาชีพเสริม หารายได้คะ อีกอันนึงที่อยากทำคือ มีพี่กลุ่มงานฝีมือที่เรารู้จัก ได้เย็บตุ๊กตา และทำงานผ้า ถักทอ มาฝากขายเป็นชิ้นๆ คะ เราก็หัก % และขายให้ ก็พอได้รายได้พอสมควรคะ ยังไง ใครพอจะมีงานแฮนเมดอะไรแนะนำฝากแชร์ทีค่ะ  หรือจะขายอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับแฮนเมด ลงทุนไม่เยอะ และขายได้จริง
เราอยากหารายได้เสริมดู คะ

แฮนเมด

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กลยุทธ์สำหรับธุรกิจ Handmade

เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม ผมได้ให้สัมภาษณ์รายการ SMART SME ทางสถานีวิทยุ สทร.106 วิทยุครอบครัวข่าว ในประเด็นกลยุทธ์สำหรับธุรกิจแฮนด์เมด หรือ งานทำมือ โดยมีคุณปุ๊ก สมาพร ชูกิจ เป็นผู้ดำเนินรายการ จึงขอนำถ้อยความมาถ่ายทอดเป็นตัวอักษร ให้กับท่านผู้อ่าน ครับ  

ถาม อาจารย์คะ เวลาที่เราไปเดินช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดถนนคนเดิน ตามสถานที่ต่างๆ หรือในจังหวัดต่างๆ เราจะพบเห็นสินค้าทำมือ ที่ผ่านการคิดค้น ผ่านจินตนาการ ความฝันของเจ้าของสินค้า แล้วก็ผลิตด้วยความประณีตบรรจง ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น งานประดิษฐ์ ของกระจุ๊ก กระจิ๊ก ชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงงานหัตถกรรมชิ้นใหญ่ๆ เห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชม มีความสุขไปกับผลงานเหล่านี้ นะคะ แต่อาจารย์คะ บางทีปุ๊กเลือกดูสินค้าแฮนด์เมดแต่ละชิ้น บางชิ้นก็ดูสวยกว่า บางชิ้นก็ดูสวยด้อยลง เป็นเพราะอะไรคะ  

ตอบ สินค้าแฮนด์เมด จะมีความแตกต่างจากสินค้าที่จำหน่ายทั่วไป ตรงที่ขั้นตอนการผลิต ซึ่งต้องทำการผลิตชิ้นงานต่างๆ ขึ้นมาด้วยมือ เขาจึงเรียกชื่อให้ดูมีเสน่ห์แบบไทยๆ ว่า “งานทำมือ” นะครับ งานเหล่านี้ไม่สามารถผลิตจากกรรมวิธีที่ใช้เครื่องจักรได้ ดังนั้น สินค้าแต่ละชิ้นถึงแม้จะมีรูปแบบ ดีไซน์เดียวกัน ก็อาจมีความแตกต่างในรายละเอียดของสินค้าแต่ละชิ้นที่ต่างกันไปได้ ซึ่งจะเป็นจุดสังเกตของลูกค้าในการเปรียบเทียบ เลือกซื้อ ชิ้นงานทำมือว่า ชิ้นไหนสวยถูกใจที่สุด ในราคาที่เท่ากัน คำถาม ก็คือ ทำไมคุณภาพชิ้นงานถึงมีความแตกต่างกันได้ คุณปุ๊กลองนึกดูครับ เราทำชิ้นงานแต่ละชิ้นเพียงคนเดียว ทำชิ้นงานตอนเช้าอารมณ์กำลังสบาย ชิ้นงานก็ออกมาสวย พอตกบ่ายอากาศร้อนบ้าง มีเรื่องมากวนใจบ้าง อารมณ์ไม่สบาย คุณภาพของชิ้นงานก็อาจจะด้อยลง งานแฮนด์เมดเป็นงานที่ต้องประดิษฐ์ออกมาจากความรู้สึกที่มีความสุขของคนทำนะครับ เหมือนผลงานของศิลปินที่ต้องสร้างบรรยากาศการทำงานให้มีความสุขเสียก่อน จึงจะสร้างผลงานที่ดีได้

คุณปุ๊กลองนึกต่อไปว่า ถ้าเราจะทำงานแฮนด์เมดของเรา ให้เป็นธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่งานอดิเรกยามว่าง เจ้าของไอเดียจะนั่งทำงานเพียงลำพังคนเดียว วันหนึ่งก็คงจะมีความสามารถในการผลิตชิ้นงานได้เพียงไม่กี่ชิ้น ทำไปวางขายปรากฎว่า ตลาดตอบรับดี เริ่มมีสินค้าไม่พอขายแล้ว อยากทำเป็นธุรกิจ อยากผลิตสินค้าแฮนด์เมดให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ก็เริ่มทำกันเป็นธุรกิจครอบครัว หรือ ขยายกำลังการผลิตเป็นงานของวิสาหกิจชุมชน ไปจนถึงเป็นโรงงานที่มีพนักงานมาทำงานแฮนด์เมด อย่างเป็นเรื่องเป็นราว คราวนี้เจ้าของไอเดียไม่ได้ผลิตงานทำมือคนเดียวแล้วครับ แต่มีผู้ร่วมผลิตด้วยอีกหลายคน ถ้าบริหารจัดการขั้นตอนการผลิต และคุณภาพของชิ้นงานไม่ดี ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะพบเห็นข้อบกพร่อง หรือ ตำหนิบนชิ้นงานได้นะครับ



ถาม เวลาปุ๊กออกไปทำรายการแจ๋วพารวย ก็มีโอกาสพบเห็น ธุรกิจแฮนด์เมดจากฝีมือของคนรุ่นใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อยากถามอาจารย์ว่า ธุรกิจแฮนด์เมดมีแนวโน้มของธุรกิจเป็นอย่างไรคะ อาจมีคุณผู้ฟังที่กำลังสนใจอยากจะทำธุรกิจนี้ จะได้มีความรู้ประกอบการตัดสินใจเพิ่มขึ้นค่ะ  

ตอบ ธุรกิจแฮนด์เมด เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ เป็นปัจจัยสำคัญ ผมว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มีโลกประสบการณ์ที่ทันสมัย กล้าคิด กล้าลอง กล้าทำ มากกว่าผู้ประกอบการรุ่นเก่าเยอะครับ คุณปุ๊ก มีโอกาสได้เห็น ชิ้นงานแฮนด์เมดหลายชิ้น บางชิ้นถึงกับต้องอุทานหลุดปากว่า “เฮ้ย คิดได้งัย เจ๋ง สุดยอด” ไอเดียบรรเจิด กล้าคิด กล้าทำจริงๆ จนมีการลอกเลียนแบบวางขายในตลาดต่อมา อย่างเช่น งานเพ้นท์ งานตบแต่งบนปลอกโทรศัพท์มือถือ แรกๆ ออกมาใหม่ก็ขายกันในราคาแพง เดี๋ยวนี้กลายเป็นสินค้าราคาถูกไปซะแล้ว จากสภาพของตลาดสินค้าแฮนด์เมด ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราสามารถแบ่ง สินค้าแฮนด์เมด ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สินค้าสำหรับกลุ่มตลาดบน และ สินค้าสำหรับกลุ่มตลาดล่าง สินค้าทั้ง 2 กลุ่มนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร  

สินค้าสำหรับกลุ่มตลาดบน จะเป็นสินค้าที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ มีความสวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า เป็นสินค้าที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเน้นความประณีต ความละเอียดอ่อนในการผลิต และความคงทน รวมถึงอาจมีการนำวัสดุที่มีมูลค่าสูงมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ภาวะการแข่งขันของตลาดสินค้ากลุ่มบนจะมีความรุนแรงน้อยกว่า เพราะผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้าสู่ตลาดได้ยาก เนื่องจากต้องมีแรงงานที่มีฝีมือ มีทักษะสูง และมีเงินลงทุนสำหรับการออกแบบใหม่ๆ เสมอ กลุ่มลูกค้าของตลาดระดับบน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความนิยมใช้สินค้าแฮนด์เมด และกลุ่มนักสะสม จากความโดดเด่นของสินค้ากลุ่มตลาดบน จะเป็นโอกาสในการกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้ารายเดิม และขยายฐานลูกค้ารายใหม่ จากกลุ่มของลูกค้าที่บอกต่อ และมีรสนิยมชื่นชอบงานแฮนด์เมด เหมือนๆ กัน  

อีกกลุ่มคือ สินค้ากลุ่มตลาดล่าง จะมีแนวโน้มการแข่งขันรุนแรงกว่าตลาดระดับบน เนื่องจากสินค้าในตลาดมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน มีการลอกเลียนแบบกันไปมา ผลิตชิ้นงานได้ง่าย ใช้เงินลงทุนน้อย วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตไม่ได้เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาสู่ตลาดได้ง่ายกว่าตลาดระดับบน กลุ่มลูกค้า เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อน้อย ซื้อเพราะชื่นชอบสินค้าบางชิ้นเป็นการเฉพาะ ไม่ได้มีรสนิยมที่ชอบการใช้สินค้าแฮนด์เมดเป็นประจำ หรือ ไม่ได้ซื้อเพื่อสะสม กลุ่มสินค้าแฮนด์เมดในตลาดระดับล่าง จึงเน้นการแข่งขันด้านราคา ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรน้อย ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ในระยะยาว  

ถาม จากที่อาจารย์กล่าวมา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ผู้ประกอบการในธุรกิจแฮนด์เมด ควรปรับกลยุทธ์ตำแหน่งของสินค้า หรือ Positioning ให้เป็นสินค้าแฮนด์เมดที่อยู่ในตลาดระดับบน แล้วสร้างจุดเด่นของสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเพิ่มจุดขายของสินค้า ให้เป็นสินค้า Life Style ที่สามารถสะท้อนรสนิยมของผู้ใช้ ถูกต้องมั๊ยคะ อยากถามต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญทางธุรกิจ ที่จะช่วยเสริมให้สินค้า หรือ ธุรกิจแฮนด์เมดมีความโดดเด่น ที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญอย่างมาก มีอะไรบ้างคะ

ตอบ เพื่อที่จะอยู่รอด และเติบโตในธุรกิจแฮนด์เมดได้อย่างยั่งยืน ผมหมายถึง มีความสามารถในการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศในอนาคตได้ด้วย ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญคือ การออกแบบสินค้า เป็นประการสำคัญที่สุด นะครับ การออกแบบสินค้า ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า การออกแบบต้องคำนึงถึงความสวยงาม และประโยชน์การใช้สอย ให้สอดคล้องกับ Life Style ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่ที่ลึกไปกว่านั้น ก็คือ เราต้องออกแบบสินค้าให้มีความแตกต่าง จากสินค้าแฮนด์เมดที่วางขายอยู่ทั่วไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เราเป็นสินค้าที่มีความแปลกตา ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ประการต่อมาก็คือ เราต้องออกแบบสินค้าให้ยากต่อการลอกเลียนแบบ ซึ่งจะเกิดได้จากขั้นตอนการผลิตที่มีความซับซ้อน ประณีต ละเอียดอ่อน ใช้ทักษะเฉพาะ ประการต่อมา การออกแบบให้เน้นความคงทนต่อการใช้งาน เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาสูง ตอบสนอง Life style ของลูกค้าที่ต้องการใช้งานแฮนด์เมดเป็นประจำ ก็จะเป็นปัจจัยที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่นิยมใช้สินค้า แฮนด์เมด เพิ่มมากยิ่งขึ้น การออกแบบโดยเลือกวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิต ควรเลือกวัตถุดิบที่มีความคงทน เหมาะสมกับกรรมวิธีการผลิต หากต้องการใช้วัตถุดิบที่มีความหลากหลายมาใช้เป็นส่วนประกอบของชิ้นงาน ควรเลือกวัตถุดิบที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน และช่วยเสริมให้รูปลักษณ์ของสินค้าที่ผลิตออกมา มีความสวยงาม หรือ อาจใช้วัสดุที่มีค่ามาประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า เช่น อัญมณี เงิน ทอง นาค เป็นต้น นอกจากการออกแบบเล้ว ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญต่อการสร้างตราสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าระลึกถึงลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น และคุณภาพของสินค้าได้โดยง่าย และช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำสินค้าได้ง่าย ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อในครั้งต่อไป  

ถาม อาจารย์คะ สมมุติว่า เรามีสินค้าแล้ว มีตราสินค้าแล้ว เราจะทำอย่างไรให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า รวมไปถึง จะทำอย่างไรให้เราสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นคะ

 ตอบ จุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการ SME ก็คือ การประชาสัมพันธ์ และการหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ในการจำหน่ายสินค้า เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเงินทุน ความรู้ทางด้านการตลาด บุคลากรในการดำเนินงาน และข้อมูลข่าวสารทางการตลาด ทำให้ผู้ประกอบการบางรายที่ผลิตสินค้าแฮนด์เมดที่มีคุณภาพ แต่กลับไม่สามารถประกอบธุรกิจในตลาดได้ต่อไป ดังนั้น โจทย์ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือ การหาแนวทางในการทำตลาด และการพัฒนาช่องทางการจำหน่าย เพื่อที่จะให้สินค้า และข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าไปถึงกลุ่มลูกค้า โดยช่องทางการจำหน่ายสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ช่องทาง คือ
  1. ช่องทางการจำหน่ายตรง ผู้ประกอบการควรจะต้องมีหน้าร้าน หรือโชว์รูมแสดงสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสสัมผัสสินค้าด้วยตนเอง เห็นความสวยงามและรายละเอียดความประณีตของสินค้า และการตกแต่งร้านค้า จะช่วยให้ลูกค้าได้เกิดจินตนาการในการนำไปใช้งานจริง การเลือกทำเลที่ตั้งของร้านค้า จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ควรตั้งอยู่ในย่านที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูงในการขยายสาขา 
  2. ช่องทางการจำหน่ายผ่านคนกลาง เช่น ตัวแทนจำหน่าย ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ เหมาะกับธุรกิจที่สามารถผลิตชิ้นงานได้จำนวนมากพอที่จะกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่างๆ วิธีนี้มีข้อดี คือ สามารถกระจายสินค้าไปได้ไกลขึ้น ไม่ต้องมีภาระในการหาทำเลที่ตั้งร้านค้า แต่มีจุดอ่อนคือ กำไรต่อหน่วยลดลง เนื่องจากเราต้องให้ค่าวางจำหน่าย แก่ร้านค้าที่เป็นช่องทางจำหน่าย และต้องมีเงินทุนสำรอง ในระหว่างรอเรียกเก็บเงินจากเครดิตการค้า 
  3. ช่องทางการจำหน่ายผ่านงานแสดงสินค้า เช่น งานแสดงสินค้า Life Style และของตกแต่งบ้าน งานแสดงสินค้าสำหรับผู้ส่งออก เป็นการทำตลาดเชิงรุก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพราะว่ามีลูกค้าที่เป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็มีจุดอ่อน ก็คือ สามารถทำตลาดได้เพียงระยะสั้นตามช่วงระยะเวลาของการจัดงาน ดังนั้น เราอาจจะต้องออกงานแสดงสินค้าให้ถี่ขึ้น 
  4. ช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายใหม่ที่มีศักยภาพในปัจจุบัน เช่น การขายผ่าน Website ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network ข้อดี ก็คือ ต้นทุนในการตลาดต่ำ ลูกค้าสั่งซื้อได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เราสามารถสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระยะไกล เช่น ต่างประเทศได้ แต่ ข้อเสียก็คือ ลูกค้าอาจมีทัศนคติในเชิงลบต่อการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ เช่นความกังวลว่าจะไม่ได้รับสินค้า หากมีการชำระเงินไปแล้ว สินค้าไม่ดีจริงเหมือนในรูปภาพที่โฆษณา และ ไม่ได้เห็นสินค้าจริงประกอบการตัดสินใจ ดังนั้น ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ จึงเหมาะที่จะใช้กับลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าอยู่แล้ว หรือ ลูกค้าประจำ ครับ 

บทความโดย : ดร.พงศ์ศรันย์ พลศรีเลิศ http://phongzahrun.wordpress.com

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตุ๊กตาหน้าล้อเลียน ผสานงานศิลป์ราคาสวย

อาชีพงานประดิษฐ์ ผลิตงานฝีมือทักษะ และ ความรู้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และยิ่งประกอบเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ก็ยิ่งทำให้เกิดการต่อยอดสินค้าออกไปได้เรื่อยๆ อย่างการนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทั้งในเรื่องการทำตุ๊กตา และ ด้านศิลปะมาพัฒนาชิ้นงานจนได้ออกมาเป็น "ตุ๊กตาหน้าล้อเลียน" เป็นการนำความรู้ที่มีอยู่มาสร้างสรรค์งานตัวใหม่ๆนี่ก็อาจจะเป็นตัวอย่าง’ช่องทางทำกิน“ให้ใครอีกหลายคนได้ลองนำหลักการไปประยุกต์ใช้…

ปิ๋ม-วรรณลักษณ์วิลาวรรณมีประสบการณ์ในการทำงานศิลปะการทำตุ๊กตาผ้าและทำออกจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “pimartshop” มานานหลายปีแล้วโดยเจ้าตัวเล่าว่าเรื่องของงานประดิษฐ์นั้นเป็นงานที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วและเรียนทางด้านศิลปะมาโดยตรงซึ่งในช่วงที่ยังเรียนอยู่นั้นก็ทำงานฝีมือออกขายเป็นรายได้เสริมตอนนั้นทำนาฬิกาแฮนด์เมดที่ทำจากงานไม้ตัดเป็นรูปแบบต่างๆแต่หลังจากที่เรียนจบก็ไม่ได้ทำงานนาฬิกาต่อ

พอเรียนจบ ก็หันมาจับทำงานประดิษฐ์ พวกดอกไม้ที่เย็บจากผ้าและทำการตกแต่งใส่เป็นกระถางน่ารักๆนอกจากนั้น ก็ยังทำสินค้าอย่างการเย็บตุ๊กตาคันทรีดอลล์เป็นตุ๊กตาผ้า ที่ตกแต่งใส่เสื้อผ้าสวยงามต่างๆขณะเดียวกันก็ยังใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ โดยรับวาดการ์ตูนล้อเลียนความคู่กับการทำสินค้าขาย

การที่ทำตุ๊กตาคันทรีดอลล์นั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากญี่ปุ่นเป็นคนที่ชอบงานประดิษฐ์ของญี่ปุ่นเพราะดูแล้วเป็นงานที่สร้างสรรค์และน่ารักอีกด้วยก็อาศัยดูตามหนังสือเว็บไซต์แล้วก็ศึกษาทดลองทำด้วยตัวเองจนสามารถทำได้สำเร็จและก็ทำขายมาเรื่อยๆ

ส่วนการทำ“ตุ๊กตาหน้าล้อเลียน”สร้างสรรค์ขึ้นมาจากการนำศิลปะการทำตุ๊กตาผ้า มาผสมผสานกับงานฝีมือในการวาดภาพล้อเลียน เกิดขึ้นมาจากการที่มีลูกค้ามาสั่งทำตุ๊กตาแต่อยากได้หน้าของตุ๊กตาที่เป็นหน้าของเขาเอง ก็รับทำซึ่งครั้งแรกที่ทำให้ลูกค้าก็ยังดูว่างานนั้นยังไม่ลงตัวยังไม่ดีพอแต่ก็ได้จุดประกายคิดว่าเป็นงานที่น่าสนใจจึงเริ่มปรับปรุงแพทเทิร์นของตุ๊กตาให้ลงตัวและได้สัดส่วนก็ใช้เวลาปรับปรุงพัฒนาอยู่ 2-3 แพทเทิร์นจนได้รูปแบบที่ลงตัวหลังจากนั้นก็รับทำตุ๊กตาหน้าล้อเลียนมาเรื่อยๆจนปัจจุบันก็ทำมากว่า 5-6 แล้ว

“การทำตุ๊กตาหน้าล้อเลียนนั้นเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญความสามารถในการวาดภาพอยู่บ้างจึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมือใหม่ถ้าเริ่มหัดทำทำเป็นงานตุ๊กตาคันทรีดอลล์จะง่ายกว่าเพราะไม่ต้องใช้ฝีมือในการวาดภาพแค่มีใจรักตั้งใจเย็บตุ๊กตาได้มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้าให้ออกมาดูสวยงามน่ารักก็สามารถทำได้” ปิ๋มกล่าว



วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำตุ๊กตาหน้าล้อเลียนนั้นหลักๆมีดังนี้คือ…ผ้าดิบฟอก,ใยสังเคราะห์(โพลีเอสเตอร์),ไหมพรม,สีอะคริลิก,พู่กัน,อุปกรณ์เย็บผ้าเข็มด้าย

การเย็บตุ๊กตานั้นถ้ามีจักรเย็บผ้าก็ใช้จักรเย็บจะทำงานได้รวดเร็วขึ้นแต่ถ้าไม่มีจักรก็สามารถใช้มือเย็บได้โดยใช้วิธีการเย็บแบบด้นถอยหลังแต่ก็จะใช้เวลาในการทำนานหน่อย

ขั้นตอนการทำเริ่มจาก…วาดแพทเทิร์นของตุ๊กตาก่อนเป็นอันดับแรกแพทเทิร์นนั้นจะแยกเป็น3ส่วนคือส่วนที่เป็นส่วนหัวติดกับส่วนตัวส่วนที่เป็นแขนทั้งสองข้างและส่วนขาทั้งสองข้างที่ต้องทำเป็น3ส่วนก็เพราะว่าจะทำให้ตุ๊กตาที่ทำออกมาสามารถขยับแขนและขาได้เป็นอิสระดูเป็นธรรมชาติไม่แข็งดีกว่าที่จะทำเป็นแพทเทิร์นชิ้นเดียวกันทั้งตัว

เมื่อได้แพทเทิร์นตามที่ต้องการแล้วก็นำแพทเทิร์นไปทาบลงบนผ้าดิบใช้ดินสอร่างตามแพทเทิร์นร่างเสร็จก็ใช้กรรไกรตัดตามแบบที่ร่างไว้ตัดแบบละ2ชิ้นโดยการตัดนั้นให้ตัดเผื่อเกินเส้นที่ร่างไว้เพื่อที่เวลาเย็บจะได้เย็บตามเส้นที่ร่างไว้โดยด้ายไม่หลุดหลังจากตัดแพทเทิร์นเรียบร้อยแล้วก็นำแพทเทิร์นทั้ง2ชิ้นที่เป็นส่วนหัวติดกับตัวตุ๊กตามาประกบกันเย็บให้ติดกันด้วยจักรหรือเย็บมือเว้นช่องไว้สำหรับยัดใยสังเคราะห์เล็กน้อยจากนั้นก็เย็บส่วนแขนและขาตุ๊กตา

หลังจากเย็บแต่ละแบบเสร็จแล้วกลับด้านที่เย็บให้เข้าไปไว้ข้างในก่อนจะทำการยัดใยสังเคราะห์การยัดใยสังเคราะห์นั้นให้ยัดพอประมาณอย่าให้แน่นจนแข็งเกินไปหรือน้อยจนนิ่มเกินไปเพราะจะทำให้ตุ๊กตาไม่สวยงามเมื่อยัดใยสังเคราะห์เสร็จแล้วก็เย็บปิดรูให้เรียบร้อยจากนั้นก็นำแบบทั้ง3ส่วนมาทำการประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้ด้ายเย็บติดให้แน่นหนา

ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเพนท์หน้าลงไปบนหน้าตุ๊กตาตามแบบที่ลูกค้านำรูปมาให้ทำเมื่อเพนท์เสร็จก็ทำการตัดชุดให้ตุ๊กตาตามแบบที่ลูกค้าสั่งทำใส่ชุดให้ตุ๊กตาเสร็จก็เริ่มทำผมของตุ๊กตาโดยใช้ไหมพรมมาทำตามทรงตามแบบที่ลูกค้าต้องการแล้วนำไปใส่ตุ๊กตาทำการเย็บติดให้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จขั้นตอนพร้อมจำหน่ายให้ลูกค้า



ตุ๊กตาหน้าล้อเลียน”ของปิ๋ม-วรรณลักษณ์มีหลายขนาดหลายไซซ์มีตั้งแต่ไซส์ S สูง 11 นิ้วราคา 450 บาท,ไซส์ M สูง 14 นิ้ว ราคา 550 บาท,ไซส์ L สูง 18 นิ้ว ราคา 650 บาท,ไซส์ EXTRA สูง 21 นิ้วราคา 850 บาท นอกจากนั้น ยังมีสินค้าอื่นๆที่เป็นงานแฮนด์เมดอีกหลากหลายทั้งตุ๊กตาคันทรีดอลล์กระเป๋าฯลฯ

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กระเป๋าผ้าขาวม้า สร้างรายได้

ผ้าขาวม้า” ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และด้วยลวดลายก็มีหลากหลาย บวกกับสีสันที่สวยสดใส ปัจจุบันจึงมีการนำผ้าขาวม้ามาประยุกต์ดัดแปลงทำเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย ซึ่ง “กระเป๋าผ้าขาวม้า” นี่ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผ้าขาวม้าทำออกมาได้อย่างสวยงาม เป็นสินค้าประเภทงานแฮนด์เมดที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้สร้างสรรค์ได้ดีไม่แพ้ผลิตภัณฑ์อื่น

เก็บตกจากการที่ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดงาน “37 ปี เทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ราชมงคลธัญบุรี สร้างคุณค่าสู่สังคมไทย” เมื่อวันที่ 17-18 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมา ภายในงานมีการสาธิต อบรม สอนอาชีพหลากหลายอาชีพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีการสอนการทำ “กระเป๋าผ้าขาวม้า” กระเป๋าผ้าที่ทำจากผ้าขาวม้า

อ.ศรุต สุขสวัสดิ์ อาจารย์คณะเทคโนโลยีคหกรรม ศาสตร์ ภาควิชาออกแบบแฟชั่นและการจัดการสินค้า บอกว่า สำหรับผ้าขาวม้านั้น โดยส่วนตัวมองว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์โดยนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เป็นการแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ผู้ทำก็อาจจะทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ ใช้เวลาว่างมาทำเพื่อเสริมรายได้ อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ผ้าขาวม้าและส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านด้วย



ด้วยคุณสมบัติของผ้าขาวม้าที่มีเนื้อผ้าที่หลากหลาย มีลวดลายและสีสันที่สวยสดใส ผ้าขาวม้าจึงสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เนื้อผ้า อย่างการนำผ้าขาวม้ามาดัดแปลงแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น กระเป๋า การออกแบบก็สามารถทำได้หลายแบบหลายทรง อาทิ กระเป๋าถุงผ้า, กระเป๋าย่าม, กระเป๋าอเนกประสงค์, กระเป๋าใส่โทรศัพท์ เป็นต้น หรือจะนำผ้าขาวม้ามาทำเป็นเสื้อ หรือใช้ผ้าขาวม้ากับงานห่อปกก็ได้

“สำหรับการทำกระเป๋าผ้าขาวม้า เป็นงานแฮนด์เมด ทำด้วยมือ สามารถเพิ่มรูปแบบ แตกรายสินค้าได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับไอเดีย และความสามารถของแต่ละบุคคล” อ.ศรุต กล่าว ซึ่งวันนี้ ก็ได้หยิบยกการทำกระเป๋าผ้าขาวม้าแบบ “กระเป๋าถุงผ้า” ที่สามารถเปลี่ยนทรงกระเป๋าได้ถึง 4 รูปแบบ มานำเสนอ

“การทำกระเป๋าถุงผ้าจากผ้าขาวม้า ก็ทำได้หลายขนาด แล้วแต่ต้องการ แต่ไม่ควรทำไซซ์ที่เล็กกว่า 20 เซนติเมตร เพราะกระเป๋าที่ทำออกมาจะเล็กเกินไป” อ.ศรุต กล่าวแนะนำ

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มีดังนี้คือ…ผ้าขาวม้า, ผ้าคอตตอน, ชอล์กเขียนผ้า, เชือก (สำหรับทำเป็นสายรูดปิดปากกระเป๋า), อุปกรณ์ตัดเย็บ พวก เข็ม ด้าย กรรไกร เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ…เริ่มจากการตัดกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตามขนาดที่ต้องการทำเป็นแพตเทิร์น จากนั้นก็เลือกผ้าขาวม้าตามลายและสีที่ต้องการ ใช้แพตเทิร์นวางลงบนผ้าขาวม้า ใช้ชอล์กขีดเส้นตามแพตเทิร์น ใช้กรรไกรตัดตามแพตเทิร์นให้ห่างจากเส้นที่ขีดไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร ก็จะได้ผืนผ้าขาวม้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เตรียมไว้ แล้วก็ทำการตัดผ้าคอตตอนให้ได้ขนาดเท่ากับผ้าขาวม้าอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งสีผ้าคอตตอนที่เลือกจะต้องเข้ากับสีของผ้าขาวม้าที่ใช้ด้วย

เมื่อได้ผ้าแบบ เป็นผ้าขาวม้า 1 ชิ้น ผ้าคอตตอน 1 ชิ้น ก็นำผ้าทั้ง 2 มาประกบกัน จากนั้นทำการเย็บผ้าทั้ง 2 ชิ้นให้ติดกัน โดยเย็บตามเส้นที่ใช้ชอล์กขีดไว้ จะใช้มือเย็บหรือจะใช้จักรเย็บก็ได้ แต่จะต้องเย็บให้แน่นหนา เย็บให้รอบจนเกือบครบรอบ โดยให้เหลือช่องไว้เล็กน้อย จากนั้นก็กลับด้านเอาด้านนอกออกมา ทำการเย็บปิดช่องให้เรียบร้อย (เหมือนการเย็บทำหมอน เพียงแต่ไม่ต้องยัดนุ่นหรือใยสังเคราะห์เข้าไป)

เมื่อเย็บเสร็จ ก็จะได้เป็นผ้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จากนั้นก็ทำการพับผ้าให้เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยเอาด้านที่เป็นผ้าขาวม้าออกด้านนอก แบ่งผ้าที่พับเป็นสามเหลี่ยมออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยการพับเข้าหากัน หลังจากที่แบ่งส่วนเท่ากันแล้ว ใช้ชอล์กขีดเส้นตรงรอยที่พับแบ่ง แล้วใช้เข็มเย็บตามรอยขีดทั้ง 2 ด้าน



เสร็จแล้วก็วัดจากรอยเย็บขึ้นไปด้านบนยอดประมาณ 1 นิ้ว เมื่อวัดได้แล้วก็พับลงมาครึ่งหนึ่ง ทำการเย็บตามแนวเส้นที่ขีดไว้ สำหรับทำเป็นปากถุงใส่เชือกไว้รูดปิด-เปิด ขั้นตอนสุดท้ายก็เป็นการพับก้นถุงผ้า ซึ่งสามารถพับและปรับได้ 4 แบบ ตามแต่ต้องการ



ทั้งนี้ การออกแบบการทำกระเป๋าจากผ้าขาวม้าของ อ.ศรุตนั้น สำหรับเผยแพร่ให้ความรู้กับชุมชนหรือหน่วยงานที่สนใจอยากเรียนรู้ ไม่ได้มุ่งทำขาย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนสำหรับการทำกระเป๋าถุงผ้าขนาด 60 เซนติเมตร จะอยู่ที่ประมาณ 90 บาท ซึ่งการทำเป็น ช่องทางทำกินการตั้งราคาขาย ก็สามารถจะตั้งได้ที่ประมาณ 135 บาท


วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Deal งานฝีมือ คอร์สเวิร์คช็อป งานเย็บปักถักร้อย

สร้างสรรค์งานฝีมือ DIY ส่งความรู้สึกให้คนพิเศษ ลงมือทำเองทุกขั้นตอน กับคอร์สเวิร์คช็อปทำของขวัญ 3 รูปแบบ ที่ BNK Studio, สยามสแควร์ เริ่ม ฿849

บางทีของขวัญที่คนพิเศษต้องการ อาจไม่ใช่ของราคาแพง หากเป็นเพียงของที่เราได้ออกแบบและลงมือทำเองอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด มาเรียนรู้การทำของขวัญที่มีคุณค่าทางใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจาก Groupon ในวันนี้ :

  • จ่าย ฿849 สำหรับคอร์สเวิร์คช็อปเพื่อสร้างสรรค์ของขวัญสำหรับคนพิเศษ จำนวน 1 ชิ้น (มูลค่า ฿2,100) 
  • จ่าย ฿1,549 สำหรับคอร์สเวิร์คช็อปเพื่อสร้างสรรค์ของขวัญสำหรับคนพิเศษ จำนวน 2 ชิ้น (มูลค่า ฿4,200) 
  • จ่าย ฿2,199 สำหรับคอร์สเวิร์คช็อปเพื่อสร้างสรรค์ของขวัญสำหรับคนพิเศษ จำนวน 3 ชิ้น (มูลค่า ฿6,300)

เลือก 1 จาก 3 เวิร์คช็อปดังต่อไปนี้

  1. กระเป๋าเก็บเหรียญทรงปลาดอรี่ 
  2. กระเป๋าเก็บเหรียญทรงปลาวาฬ 
  3. ตุ๊กตาหมีเทดดี้ ผ้าคอตตอน  

ตารางเรียน ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะคลาสวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ โดยเลือกช่วงเวลาจาก 11.00 น. – 15.00 น. หรือ 15.00 น. – 19.00 น.

หมายเหตุ 

  • ดำเนินการสอนเป็นภาษาไทยเท่านั้น 1 
  • คลาสใช้เวลา 4 ชั่วโมง 1 
  • คลาส รับนักเรียนสูงสุด 6 ท่าน 
  • ทางโรงเรียนได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับผู้เรียนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องนำอุปกรณ์มาเอง 
  • สามารถนำผลงานที่เสร็จแล้ว กลับไปที่บ้านได้ 



BNK Studio Fashion & Design School โรงเรียนสอนออกแบบสินค้าแฟชั่น ก่อตั้งโดยกลุ่มนักออกแบบที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ที่สะสมมานานกว่า 10 ปี โดยมีคอร์สเรียนออกแบบ ทำแพทเทิร์น ไปจนถึงการตัดเย็บ เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องหนัง สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียนเพื่อนำไปประกอบอาชีพ หรือหากิจกรรมทำในยามว่าง บรรยากาศในห้องเรียนเน้นความเป็นกันเอง การเรียนการสอนเป็นแบบสบาย ๆ และเปิดกว้างให้นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสพัฒนาไอเดียและความสามารถ เมื่อเรียนจบแล้ว สามารถนำผลงานแห่งความภาคภูมิใจของเรา กลับไปอวดเพื่อนได้อีกด้วย

 โรงเรียน BNK Studio ตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของแฟชั่นและสถานที่แฮงค์เอาท์ของคนอินเทรนด์ สามารถเดินทางมาอย่างสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 11.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 – 19.00 น. (ปิดวันจันทร์) ติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 084-138-0858

ใครที่สนใจคอร์สนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ mygroupon.co.th

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตุ๊กตาพวงกุญแจ จากผ้าคอตตอนไทย

งานตุ๊กตา ผ้าคอตตอน ที่ครอบพวงกุญแจนี้ เริ่มทำมาจาก การที่ตนเองนั้นเป็นคนที่ชอบทำงานฝีมือ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ เย็บปักถักร้อย ตุ๊กตา พอได้เจอพี่ ที่ทำงานเดียวกัน ทำงานควิลท์ หรือ งานปะติดผ้า ก็เลยเกิดความสนใจ อยากทดลองทำ จึงได้ไปศึกษาวิธีทำในอินเทอร์เน็ต ตามเว็บไซต์ สอนเย็บตุ๊กตา เว็บไซต์ที่จำหน่ายอุปกรณ์เย็บตุ๊กตา ผ้าคอตตอนไทย เป็นต้น แล้วก็นำมาทดลองทำ เย็บเองได้อยู่ประมาณ 2-3 เดือน จนชำนาญมากขึ้น จากนั้นก็เริ่มคิดออกแบบทำเป็นชิ้นงานของตัวเอง โดยทำเป็นที่ครอบพวงกุญแจ รูปตุ๊กตาแมว รูปตุ๊กตาหมา และ บ้านเห็ด โดย เน้นสีสันที่สดใส เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น

ตุ๊กตาพวงกุญแจ รูปหมา

แรกเริ่มทำเป็นของขวัญแจกให้เพื่อน ๆ จากนั้นก็เริ่มทดลองทำขาย โดยไปซื้อผ้าคอตตอนไทย หลากหลายสี มาไว้สำหรับตัดเย็บ และก็เริ่มขาย โดยก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงยึดเป็นอาชีพเสริมมาตลอด แต่ทีแรกๆ ก็ยังขายไม่ค่อยได้ แต่นานวันเข้าก็เริ่มขายได้มากขึ้น โดยทำขายเป็นอาชีพเสริมแบบไม่มีหน้าร้าน จะประกาศขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต

งานฝีมือจากผ้าคอตตอนไทย ตัวนี้ถือว่าเป็นงานที่ทำไม่ยาก สามารถศึกษาและฝึกทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงทดลองทำนั้นเราควรใช้เศษผ้า ใช้วัสดุที่มีราคาไม่แพง ลองทำให้ชำนาญก่อน รัตนา ภรณ์ แนะนำ

สำหรับวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการทำนั้น มีดังนี้

ผ้าคอตตอนไทยหรือผ้าญี่ปุ่น, ผ้าซับใน (ใช้เป็นสีพื้น หรือเป็นลายก็ได้ แต่ต้องสีอ่อน ๆ), ใยสังเคราะห์แบบแผ่นบาง, ผ้าดิบ, ห่วงกุญแจ, เชือกหนัง, ไหมปัก และของตกแต่งจำพวกโบ ดอกไม้ ลูกปัด เป็นต้น

ผ้าคอตตอนไทยนั้นจะมีสีสันที่สดใส และมีราคาถูกกว่าผ้าญี่ปุ่น แต่ผ้าญี่ปุ่นจะมีเนื้อผ้านุ่มกว่าผ้าคอตตอนไทย การซื้อผ้ามาทำนั้นควรซื้อ ให้ได้หลากหลายลาย อย่างน้อยควรจะมีประมาณ 5 ลาย

ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ทำ

ก็จะเป็นอุปกรณ์ตัดเย็บทั่ว ๆ ไป พวกเข็ม, ด้าย, กรรไกร และอุปกรณ์สำหรับทำแพตเทิร์น ได้แก่ กระดาษแข็ง หรือแผ่นพลาสติก, ดินสอ เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากการทำแพต เทิร์นก่อน ถ้าทำรูปแมวก็วาดแบบรูปหน้าแมวลงบนกระดาษแข็ง จากนั้นก็ตัดแบบออกมา ก็จะได้แพตเทิร์น นำผ้าซับใน ผ้าคอตตอนไทยลายที่ต้องการ และใยสังเคราะห์ มาทำการวางซ้อนทับกัน โดยวางใยสังเคราะห์ ไว้ด้านล่างสุด ผ้าคอตตอนไทยไว้ตรงกลาง ผ้าซับในไว้ด้านบนสุด
นำแพตเทิร์นไปวางทาบลงบนผ้าซับใน ใช้ดินสอวาดตามแบบ ใช้กรรไกรตัดผ้าตามแบบ ให้ตัดห่างจากรอยดินสอประมาณ 0.7 ซม. เมื่อตัดผ้าเรียบร้อยให้ใช้เข็มหมุดกลัดไว้ตรงกลางผ้าที่ตัดออกมา เพื่อไม่ให้ผ้าที่ซ้อนกันเลื่อน จากนั้นใช้เข็มและด้ายเย็บตามรอยดินสอ จะใช้วิธีเย็บแบบด้นถอยหลังหรือเย็บแบบเนาถี่ ๆ ก็ได้

ทำการเย็บไปโดยรอบ เว้นช่องไว้กลับผ้าประมาณ 4 ซม. เมื่อเย็บเสร็จก็ทำการกลับด้านออกมา แล้วทำการสอยปิดช่องที่กลับผ้าให้เรียบร้อย ทำแบบเดิมอีก 1 ชิ้น ก็จะได้เป็น 2 ชิ้น

ขั้นต่อไปนำผ้าดิบสีครีมมาตัดสำหรับทำปากแมว เวลาตัดให้เว้นขอบไว้พับประมาณ 0.5 ซม. นำไปติดบนหน้าแมวที่ทำไว้ ทำการเย็บแบบสอยซ้อนด้ายยึดให้แน่น ใช้ไหมปักเป็นหนวด จมูก ติดลูกปัดเป็นตา ตกแต่งด้วยโบตามต้องการ ก็จะได้หน้าแมวเป็นชิ้นหน้า

จากนั้นก็นำแบบที่ทำขึ้นมาอีก 1 ชิ้น มาประกบกับชิ้นหน้า แล้วทำการสอยซ้อนด้ายให้รอบ โดยเว้นด้านล่างไว้สำหรับเก็บพวงกุญแจ และเว้นด้านบนไว้สำหรับใส่เชือกที่ผูกกับห่วงกุญแจ เมื่อเย็บเรียบร้อยแล้วก็นำเชือกหนังที่ผูกติดกับห่วงกุญแจทำการร้อยเข้าไป ในช่องที่เว้นไว้ด้านบน โดยให้ห่วงกุญแจอยู่ด้านใน จากนั้นก็ทำตุ้มกลมติดที่ปลายเชือก กันไม่ให้เชือกหลุด

การทำตุ้มติดปลายเชือก ตัดผ้าเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ซม. พับริมเข้า 0.5 ซม. เย็บเนาถี่จนรอบ รูดปากพอประมาณ ใส่ใยสังเคราะห์แบบฟู นำไปเย็บติดที่ปลายเชือก ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โชว์ผลงาน เย็บปักถักร้อย

งานเย็บปักถักร้อยนั้น ผมถือว่าเป็นงานทำมือจริง ๆ และเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก คนเย็บปักถักร้อยต้องมีความตั้งใจจริง มิเช่นนั้น ผลงานก็จะออกมาไม่ดี ไม่สวย และไม่สำเร็จ ตามกันมา ไม่เชื่อก็ลองไปถักดูก็ได้นะครับ ลองดูตอนไม่มีสมาธิ เครียตๆ มา หรือมีปัญหาอะไรมา แล้วมาลองเย็บผ้า หรือทำงานฝีมือ ดู แล้วจะรู้ว่ามันยากเย็นแสนเข็นแค่ไหน กว่าจะเย็บปักถักร้อยเป็น กว่าจะถักได้เป็นรูปร่างตามที่เราตั้งใจ มันกินเวลามากเลยทีเดียว

แต่ท่านที่เย็บปักถักร้อยเป็นอยู่แล้ว หรือ มืออาชีพ ก็จะบอกว่า งานง่าย ๆ สบาย ๆ ถักเป๊บเดียวก็เสร็จ อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละคนนะครับ แล้วแต่ฝีมือของแต่ละท่าน บางท่านอาจจะถักไว แต่ผลงานที่ออกมาหล่ะ ประณีตหรือเปล่า ใช้ได้รึปล่าว สวยงามรึปล่าว…… งานฝีมือหรืองาน แฮนด์เมด นั้นมันต้องบรรจงและใช้เวลาครับ ผลงานถึงจะออกมาดีและมีคุณภาพครับ ผมขอฝากผลงานเย็บปักถักร้อย ของผม ซึ่งเป็นผลงาน แฮนด์เมด ที่ผมตั้งใจบรรจงทำกับมือเลยทีเดียวครับ ผลงานก็มี เช่น ตุ๊กตาหมี ที่เก็บกุญแจ เป็นต้น

 
ตุ๊กตาหมี แฮนเมด




Key Cover หรือ ที่เก็บกุญแจลายน้องหมา
ตุ๊กตาหมี ถักไหมพรหม

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

'ศาลาครุ' ส่งเสริมแม่บ้าน ตั้งกลุ่มเย็บผ้าสร้างรายได้

นายอนันต์ รุ่งแสง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจของประเทศนั้น อยู่ในสภาพไม่มั่นคงเท่าที่ควร เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ คนว่างงานมากขึ้น และปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้โรงงานเกิดภาวะขาดทุน ย้ายถิ่นฐานการผลิต เกิดการจ้างงานน้อยลง และมีการปรับเงินเดือนคนงานให้สูงขึ้น คนงานที่เงินเดือนสูงจึงถูกปรับออกจากงาน และไม่ได้รับการจ้างงาน ขาดรายได้ที่จะมาจุนเจือครอบครัว อันก่อให้เกิดทางด้านปัญหาสังคมตามมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านความยากจน ด้านการศึกษาด้านสาธารณสุข และ ปัญหาอาชญากรรม ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง ถือว่าเป็นหน่วยงานท้องที่ที่มีการผูกผันกับประชาชนในพื้นที่ เมื่อยามประสบปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งความช่วยเหลือนั้นต้องตรงต่อความต้องการของกลุ่มแม่บ้านที่ว่างงานและสังคม



นายอนันต์ กล่าวต่ออีกว่า ดังนั้นตนจึงได้มอบหมายให้กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจัดทำโครงส่งเสริมอาชีพกลุ่มแม่บ้านในหมู่ 5 จัดตั้งกลุ่มเย็บผ้า โดยได้ประสานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี (พัฒน์ 27) สนับสนุนจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมพร้อมจัดวิทยากรมาอบรมให้ความรู้ พร้อมทั้งฝึกฝนความเข้าใจและทักษะในการเย็บเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี และยังเป็นการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของกลุ่มส่งเสริมอาชีพในเขต ต.ศาลาครุ เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการนำเอาผ้ามาเย็บเป็นเสื้อผ้า แล้วนำเศษผ้าไปแปรรูปเป็นตุ๊กตาหรือพรมเช็ดเท้าสร้างรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังเป็นการนำทรัพยากรในชุมชนมาประดิษฐ์เพื่อก่อให้เกิดรายได้ตลอดจนผลิตทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนฟื้นฟูกลุ่มอาชีพแม่บ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองครอบครัวและสังคมตลอดไป

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แฮนด์เมดตุ๊กตาถักไหมพรม บ้านถักทอ

ชุมชนเข้มแข็ง ‘บ้านถักทอ’ เปลี่ยนงานถักไหมพรมธรรมดาๆ มาเป็นตุ๊กตาถักไหมพรมและสินค้าถักไหมพรมแฮนด์เมดอื่นๆ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างน่าชื่นใจ

“เริ่มแรกเราถักเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ สำหรับห้อยพวงกุญแจ จากนั้นจึงได้เริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ กระทั่่งตุ๊กตาอยู่ในขนาดที่สามารถถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยมีลักษณะเป็นเด็กหญิงไว้ผมหน้าม้า ขณะที่คาแรกเตอร์ตรงดวงตา ที่จะมีตาหลับ ตายิ้ม ตาโต และตาขอบดำ” สายอรุณ กล่าว

บ้านถักทอเปิดตัวครั้งแรกที่ ถนนคนเดิน จ.เชียงใหม่ โดยเวลานั้นงานตุ๊กตาถักยังมีไม่มากนัก ฉะนั้นสินค้าในร้านจึงมีทั้งตุ๊กตาถัก หมวก เข็มขัด กระเป๋าถัก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคนในหมู่บ้านเดียวกันฝากมาขาย แต่ทว่าผลตอบรับปรากฏว่า ตุ๊กตากลับได้รับความสนใจ โดยเฉพาะชาวต่างชาติค่อนข้างมาก…ดังนั้นทางกลุ่มจึงได้หันมาทุ่มเทถักตุ๊กตากันอย่างจริงจังนับแต่นั้นเป็นต้นมา



ความโดดเด่นของตุ๊กตาบ้านถักทอ คือ ตุ๊กตาแต่ละตัวสามารถถอด ‘เปลี่ยน’ เสื้อผ้าได้ นอกจากนี้ยังเลือกแอคเซสเซอรี่ เช่น หมวก กระเป๋า ผ้าพันคอ รองเท้า (สำหรับตุ๊กตา) ได้หลากหลาย โดยแต่ละแบบ แต่ละสไตล์ทันสมัยราวกับว่าหลุดมาจากแคตวอล์กก็ไม่ปาน

สายอรุณ เล่าว่า “ตุ๊กตาแฮนด์เมด เปลี่ยนเสื้อผ้า/แอคเซสเซอรี่ได้ ไอเดียนี้มาจากความรู้สึกที่ว่าอยากให้คนที่เล่นตุ๊กตาเขารู้สึกสัมผัสได้ เวลาที่เขาเลือกเสื้อผ้ามาแต่งตัวให้กับตุ๊กตาเด็กชาย-เด็กหญิง และอีกส่วนหนึ่งที่เราออกแบบเสื้อมาเยอะขนาดนี้เป็นเพราะว่าช่วงที่ทำแรกๆ ประมาณปี 2548 พวกเสื้อผ้าอะไรเหล่านี้ยังมีให้เลือกไม่มากนัก กระทั่งในปี 2550 ที่งานนิมมานซอย 1 จังหวะนี้เองที่เริ่มมีคนรู้จักตุ๊กตาบ้านถักทอมากขึ้น ระหว่างนี้เองที่กระแสของตุ๊กตาบลายธ์ก็กำลังได้รับความนิยม ฉะนั้นจึงมักมีลูกค้ามาถามบ่อยๆ ว่า ตุ๊กตาของเราทำไมมีเสื้อผ้าเปลี่ยนน้อยจัง…จึงเป็นจุดให้เราเริ่มปรับรูปแบบเสื้อผ้าตุ๊กตาให้ทันสมัย และมีให้เลือกหลากหลายยิ่งขึ้นมาถึงทุกวันนี้”

นอกจากความหลากหลายทั้ง เสื้อผ้า/แอคเซสเซอรี่ เบื้องหลังของแฟชั่นเหล่านี้ สายอรุณ เล่าว่า ชาวบ้านที่ถักชุดตุ๊กตาเหล่านี้ แต่ละคนไม่ได้มีพื้นฐาน หรือไปเรียนด้านแฟชั่นจากไหน แต่อาศัยดูเทรนด์เสื้อผ้าจากดาราในละครโทรทัศน์บ้าง ตามหนังโฆษณาบ้าง จากนั้นค่อยนำมาแอพพลายเป็นเสื้อผ้าตุ๊กตาถักขึ้นเองสดๆ ฉะนั้นเสื้อผ้าสุดชิคเหล่านี้จึงมาจากฝีมือคนทำล้วนๆ และหาแพทเทิร์นที่ไหนไม่ได้แน่นอน นอกจากนี้ความช่างคิดยังทยอยออกมาไม่หยุดหย่อน เมื่อเสื้อผ้าบางคอลเลกชั่นมีการนำวัสดุเหลือใช้ เช่น เศษผ้ายีนส์ชิ้นเล็กๆ มาแอพพลายเป็นกางเกง แต่งด้วยไหมพรมเก๋ๆ หรือเศษผ้าจากงานปักฝีมือชาวเขา ก็เอามามิกซ์กับงานโครเชต์ จนก่อเกิดเป็นดีไซน์ใหม่ที่เก๋ไม่แพ้เสื้อผ้าคนเลยทีเดียว

จุดเด่นของ แฮนด์เมดตุ๊กตาถักไหมพรม บ้านถักทอ

จุดเด่นของบ้านถักทออยู่ที่ความหลากหลาย โดยเริ่มจากจำนวนสมาชิกมีประมาณ 50 คน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความถนัดที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนถนัดถักโครเชต์ ขณะที่บางคนถนัดถักนิตติ้ง เมื่อดึงความสามารถของแต่ละคนมารวมกันจึงทำให้ผลงานมีความหลากหลาย มีเสน่ห์ยิ่งขึ้นด้วย

ทั้งนี้รูปแบบของตุ๊กตามีทั้งหมด 3 คาแรกเตอร์ (ทุกแบบมีทั้งเด็กชาย-เด็กหญิง) คือ 1. น้องถัก (มีลักษณะตายิ้ม/ตาหลับ) 2. น้องทอ (มีลักษณะตาโต) และ 3. น้องพอเพียง (มีลักษณะตาขอบดำ) สนนราคาเริ่มที่ 380-1,200 บาท/ตัว (เลือกเสื้อผ้าได้ 1 ชุด)

ลูกค้าแฮนด์เมดตุ๊กตาถักไหมพรมบ้านถักทอส่วนใหญ่ของบ้านถักทอเป็นชาวต่างชาติ ปัจจุบันมีออเดอร์ต้องถักตุ๊กตาไม่ต่ำกว่า 300 ตัว/เดือน (ไม่รวมจำนวน เสื้อผ้า แอคเซสเซอรี่ต่างๆ) มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท/เดือน

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เย็บตุ๊กตา สร้างรายได้

ถ้าพูดถึงของขวัญที่ได้รับความนิยม หนึ่งในของที่คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับคนที่รักในงานเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปีใหม่ วาเลนไทน์ รับปริญญา วันเด็ก ฯลฯ ก็จะรวมถึง“ตุ๊กตา” ที่มิใช่แค่ของเล่น เด็กเท่านั้น ซึ่ง “ตุ๊กตาผ้า” ก็เป็นหนึ่งในตุ๊กตายอดฮิต และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ…

สุชญา สุขหงษ์ ประธานกลุ่มหัตถกรรมทำด้วยมือผลิตตุ๊กตาบ้านวังน้ำเขียว ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นผู้ที่ผลิตและจำหน่ายตุ๊กตาทุกชนิด ภายใต้ชื่อ “PLOY TOYS” ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตตุ๊กตามานานกว่า 10 ปี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

ก่อนที่จะมายึดอาชีพทำตุ๊กตานั้น สุชญาเล่าว่า เคยทำงานบริษัทผลิตตุ๊กตาส่งออก อยู่ฝ่ายการตลาด แต่ในช่วงยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตก บริษัทที่ทำอยู่ก็เริ่มให้คนงานออก และตนก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น หลังจากตกงานก็เริ่มหาช่องทางอาชีพทำ และก็ตกลงกับสามีว่าจะมาทำ “ตุ๊กตา” ขาย

“จากที่เคยอยู่ฝ่ายการตลาดของบริษัทเก่า ทำให้เห็นว่ายอดขายตุ๊กตามียอดจำหน่ายที่สูง บวกกับเป็นคนที่ชอบตุ๊กตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงยิ่งทำให้เป็นเรื่องง่ายในการที่จะตัดสินใจทำตุ๊กตาผ้าขาย”

การทำตุ๊กตาทำด้วยมืออาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ แต่ก็ไม่ยากถ้ามีความพยายาม พอเริ่มที่จะทำจริงจังก็เริ่มศึกษาวิธีการทำด้วยตัวเอง โดยหาซื้อตุ๊กตาผ้ามาแกะแยกชิ้นส่วนออกจนหมดทุกชิ้น เพื่อที่จะนำมาเป็นตัวอย่างในการทำ แรก ๆ ตุ๊กตาที่ทำออกมาจะนำไปขายตามงานวัดและตลาดนัด



ตุ๊กตาที่ผลิตขึ้นก็พอขายได้ แต่ยังไม่ค่อยมีมาตรฐาน อีกทั้งการบริหารจัดการต่าง ๆ ก็ยังไม่ดี สุชญาจึงเข้าไปอบรมในโครงการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถด้านบริหารจัดการธุรกิจในแต่ละด้าน ให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน

หลังจากที่ได้เข้าอบรมก็สามารถวางแผนในการจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น รู้จักการจัดทำบัญชี ได้เรียนรู้เทคนิคด้านการตลาด เทคนิคการขาย จากนั้นก็เริ่มมาพัฒนากลุ่มผลิตตุ๊กตาให้มีมาตรฐานมากขึ้น จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทำด้วยมือเริ่มเป็นที่ยอมรับจากลูกค้า ผลิตส่งให้กับบริษัทลิขสิทธิ์ถึง 70% และทางกลุ่มผลิตจำหน่ายเอง 30%

“ธุรกิจผลิตตุ๊กตาผ้า สินค้าที่ผลิตออกมาจะต้องเป็นที่ถูกใจลูกค้าจึงจะขายได้ เพราะฉะนั้นรูปแบบของตุ๊กตาจะต้องมีความโดดเด่น ที่สำคัญจะทำให้ธุรกิจไปรอดก็จะต้องเน้นในเรื่องคุณภาพสินค้า ตรงต่อเวลา และความซื่อสัตย์” สุชญากล่าว

ในการผลิต “ตุ๊กตาผ้า” ขาย วัสดุอุปกรณ์ในการทำที่สำคัญ ๆ ก็มีจักรเย็บผ้า, ผ้าสำหรับทำตุ๊กตาโดยเฉพาะ, ใยสำหรับยัดในตัวตุ๊กตา… แหล่งวัตถุดิบที่เป็นแหล่งใหญ่ที่สามารถไปหาซื้อได้อยู่ที่ย่านบางบอน…

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบตุ๊กตาทำด้วยมือ หรือหาต้นแบบตุ๊กตาที่ต้องการจะทำ หลังจากที่ได้แบบที่ต้องการก็ทำแพตเทิร์น ซึ่งตุ๊กตา 1 ตัว อาจมีแพตเทิร์น 25-40 ชิ้น จากนั้นก็นำแพตเทิร์นไปวางทาบบนผ้า วาดตามรอยจากนั้นก็ตัดตามรอยเส้น ซึ่งวิธีนี้เป็น วิธีที่ง่าย แต่งานอาจจะช้าหน่อย

ในส่วนของสุชญาจะใช้วิธีการนำแพตเทิร์นที่ได้ไปวาดลงบนแผ่นกระเบื้องกันความร้อน จากนั้นก็จะตัดตามแบบ ใช้เส้นลวดกันความร้อนชนิดแบนติดตามขอบกระเบื้องกันความร้อนที่ตัดตามแพตเทิร์น ล็อกติดเข้าด้วยกันโดยใช้ลวดกันความร้อนเส้นเล็กเป็นตัวรัด เชื่อมต่อสายไฟที่จะต้องไปเสียบเข้ากับหม้อแปลงไฟฟ้าปรับแรงดัน สุดท้ายต่อด้ามจับด้วยไม้ วิธีการใช้ก็แค่เสียบปลั๊กไฟเข้ากับหม้อแปลงปรับแรงดันไฟฟ้า รอให้ลวดเกิดความร้อน จากนั้นก็ทำการปั๊มลงบนผ้า

วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วในการตัดผ้า แต่ก็ต้องใช้ทุนสูงหน่อย โดยหม้อแปลงปรับแรงดันไฟฟ้ามีราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000-13,000 บาท… เมื่อได้ชิ้นส่วนตุ๊กตาทุกชิ้นครบ ก็ทำการเย็บแต่ละชิ้นให้เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็คือการยัดใย ก่อนยัดใยก็นำชิ้นส่วนที่แยกเย็บมาเย็บประกอบกันให้เรียบร้อย แล้วทำการยัดใย ยัดเสร็จก็ทำการตกแต่งภายนอกให้เรียบร้อย

การยัดใยใส่ในตัวตุ๊กตานั้นสามารถยัดด้วยมือได้สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเงินทุนที่จะซื้อเครื่องฉีดใย ส่วนเครื่องฉีดใยนั้นมีราคาอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท ซึ่งคุณภาพตุ๊กตาที่ยัดใยด้วยเครื่องก็จะนิ่งกว่าการใช้มือ

จากนั้นก็ทำการเย็บปิดรูของตัวตุ๊กตาทำด้วยมือที่เป็นจุดยัดใย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน พร้อมจำหน่าย ตุ๊กตาของกลุ่มหัตถกรรมผลิตตุ๊กตาบ้านวังน้ำเขียว มีราคาขายตั้งแต่ 30-1,000 บาท โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 70% ของราคาจำหน่าย